วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

#จูราสสิคสยาม: ถึงพวกคนดี

#จูราสสิคสยาม: ถึงพวกคนดี: จม.เปิดผลึก ถึงพวกคนดี ตาดี และ ปากกกดี....​ทุกคนนะ คือ เราเข้าใจนะ  ว่าสังคมนี้ไม่เข้าใจวัดพระธรรมกาย  ทำไมคนมาวัดเยอะจัง...

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เห็นมา เล่าไป: ยังไม่ดีพอ?

เห็นมา เล่าไป: ยังไม่ดีพอ?: อ่านเพิ่มเติม   อีกไม่กี่วันก็จะ "เข้าพรรษา"  ก็หวังว่าเรื่อง "ร้ายๆ" ในพระพุทธศาสนาจะหมดไปซักที.... เขายังมีกา...

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความเห็นคนพุทธ: จดหมายเหตุ DSI ตอน พายเรือวนในอ่าง ทางออกอยู่ที่ไห...

ความเห็นคนพุทธ: จดหมายเหตุ DSI ตอน พายเรือวนในอ่าง ทางออกอยู่ที่ไห...: ภายหลังคณะลูกศิษย์พระ ธัมมชโย ที่ประกอบด้วยแพทย์และพยาบาลหลายสิบท่าน เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในการส่งแพทย์เข้ามาตรวจอาการพระ ธัมม...

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความเห็นคนพุทธ: จดหมายเหตุ DSI ตอน จรรยาบรรณหล่นหาย จำไม่ได้เหรอ.....

ความเห็นคนพุทธ: จดหมายเหตุ DSI ตอน จรรยาบรรณหล่นหาย จำไม่ได้เหรอ.....: ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในวันนี้ (วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559) เริ่มที่ ธรรมกาย  ตอบรับแพทยสภาส่งทีมเข้าตรวจอาการอาพาธ พระ ธัมมชโย  ...

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

ความประทับใจที่มีต่อคุณยาย

          
คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง

         หากจะระลึกถึงพระคุณของคุณยาย ก็คงสุดจะพรรณนาได้เหมาะสม จึงขออัญเชิญคำสดุดีของพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ที่กล่าวสรรเสริญพระคุณของคุณยาย เมื่อปี 2531 มาแสดงไว้ ณ ที่นี้

         "วันวานที่สมบูรณ์ วันนี้ที่ดีกว่า วันหน้าที่ดีที่สุด คือเส้นทางชีวิต ที่คุณยายอุทิศให้กับงานพระศาสนา ตลอดวัน ตลอดคืน ตลอดปี และตลอดไป เป็นสิ่งที่หลวงพ่อได้พบเห็นมาเกือบ 30 ปีที่ได้อยู่กับยาย
         จะรู้สึกเป็นสุขทุกครั้ง ที่ได้ตามระลึกถึงภาพเก่า ๆ นั้น และไม่เคยลืมเลยว่า กว่าจะมาเป็นภาชนะดินที่ดูสวยสดงดงามในยามนี้ ได้เคยเป็นก้อนดินเก่า ๆ ขมุกขมอมไร้ค่า ที่คุณยายได้เก็บขึ้นมาปั้นเป็นรูปร่าง ขนาบแล้ว ขนาบอีก
         จึงขอเทิดทูนยาย อัญมณีมีค่าของพระพุทธศาสนา ผู้เป็นประดุจขุนพลกล้าแห่งกองทัพธรรม เหนือเศียรเกล้า ในฐานะมารดาของโลก ผู้ให้ชีวิตใหม่แก่หลวงพ่อ และในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานทั้งหลาย"


วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

บุญ...ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร


ปุญญาภิสันทา ห้วงบุญ บุคคลทำบุญแล้ว ย่อมได้รับผล ๔ อย่าง.
          ๑. สุขสฺสาหารา  นำความสุขมาให้
          ๒. โสวคฺคิกา ได้อารมณ์อันเลิศ
          ๓. สุขวิปากา มีสุขเป็นวิบาก
          ๔. สคฺคสํวตฺตนิกา เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์
องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๕๑/๗๑



          พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เคยให้โอวาทไว้ว่า “บุญคือสิ่งสำคัญของชีวิต”
   
  บุญเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีอานุภาพมาก เกิดขึ้นเมื่อจิตของเราเป็นกุศล  เมื่อเราให้ทาน  รักษาศีล  และเจริญภาวนา  ทำให้กาย วาจา ใจ สะอาด บริสุทธิ์จากความโลภ ความโกรธ  ความหลง  กระแสบุญก็เกิดขึ้นอยู่ภายใน

         เวลาบุญส่งผล จิตใจของเราจะเบิกบาน ชุ่มชื่น มีความสุข ร่างกายจะแข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย มีผิวพรรณวรรณะผ่องใส สว่างเป็นที่ดึงดูดตา ดึงดูดใจของผู้ที่ได้พบเห็น มีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็ง  และมีพลังที่จะเอาชนะอุปสรรค  มีพลังที่จะสร้างความดี
          
       บุญนี้เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จทั้งมวลในชีวิตของเรา ทั้งเมื่อเป็นมนุษย์และเมื่อละโลกไปแล้วบุญจะส่งผลให้เราได้เกิดในสุคติโลกสวรรค์ มีความสุขอยู่ในสุคติภพ มีรัศมีสว่างไสว มีบริวาร มีสมบัติอันเป็นทิพย์ มีความเป็นใหญ่ มีความสุขความสบายในภพทิพย์อันยาวนาน นับเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนปี หรือเป็นกัปทีเดียว เพราะฉะนั้น บุญจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตของเราทุกคน 

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

ทำไมสอนให้รวย

          เราจำเป็นจะต้องรวย  บางคนกลัวคำว่า “รวย”  ครูไม่ใหญ่เคยเจอคำถาม “ทำไมต้องรวย ทำไมต้องสอนให้รวย แปลว่า สอนให้โลภใช่ไหม”   “ไม่ใช่ รวยกับโลภมันคนละคำกัน ไม่เหมือนกัน สะกดยังผิดเลย  ให้รวยไม่ใช่ให้โลภ”

          แต่ถ้ารังเกียจคำว่า “รวย”  ๑. ไปลองจนดู  หรือ ๒. เปลี่ยนคำใหม่เป็นว่า  “มีกินมีใช้”  เอาไว้สำหรับเป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมี เพราะอยู่ดี ๆ จะให้บุญหล่นทับ มันไม่มี นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ  เราจะต้องสร้างด้วยตัวของเราเอง

          เราจำเป็นจะต้องรวย หรือ มีกินมีใช้ เพื่อเป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมีของเรา  สำหรับ มีกิน เรากินไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะยุ้งในตัวมีนิดเดียว  แต่ มีใช้ นี่สิสำคัญ จะใช้ซื้อที่  ซื้อบ้าน ซื้ออุปกรณ์ในบ้าน ซื้อรถ ซื้อโน่น ซื้อนี่ ไล่เรื่อยไปกระทั่งซื้อเครื่องบิน และที่สำคัญคือใช้สร้างบารมี เพราะฉะนั้น มีใช้นี่สำคัญ

          มหาเศรษฐีของโลก ตั้งแต่จุลเศรษฐี มหาเศรษฐี บรมเศรษฐี ทุกคนไม่มีเว้นแม้แต่คนเดียว ต้องสร้างทานบารมี  เพราะว่าเราเป็นผู้ออกแบบชีวิต  อยากจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ใจของเรา ให้เราสังเกตุดูว่า ภพชาตินี้เรามีอะไรที่บกพร่อง ไม่สมบูรณ์บ้าง  จะสร้างบารมีแต่มันไม่มีอุปกรณ์ ใจถึงแต่ทุนไม่ถึง หรือทีมถึงแต่ทุนไม่ถึงอย่างนี้ ก็เป็นเพราะว่า เราทำบุญมาไม่ถึง  

เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) 
วันศุกร์ที่  ๑๓  กรกฎาคม พ.. ๒๕๕๐

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

นั่งสมาธิแล้ว มีความสุขอย่างไร

        อยากรู้ต้องลองนั่งสมาธิดู  สำหรับตัวผู้เขียน พอนั่งแล้วมีความสุขคือ ได้พักกาย พักใจ กายสบาย ใจสบาย พอได้นั่งต่อเนื่องทุกวัน ทำให้สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงขึ้น  ถึงเวลาเข้านอน หลับง่าย หลับสบาย ไม่ค่อยฝัน ตื่นมาก็สดชื่น  มีสติ ใจเย็นขึ้น อารมณ์ดี ทำภารกิจ กิจวัตร กิจกรรมในแต่ละวันได้สะดวก ราบรื่น ทำไปใช้ไปทุก ๆ วัน

        ขอน้อมนำโอวาทบางส่วนในการนำนั่งสมาธิ ของพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เคยกล่าวไว้ว่า... ชีวิตมนุษย์ทุก ๆ คน มีความปรารถนาที่จะเข้าถึงความสุขที่แท้จริงกันทั้งนั้น แต่ว่า เราไม่รู้จักว่า ความสุขที่แท้จริงลักษณะเป็นอย่างไร ตั้งอยู่ที่ตรงไหน แล้วจะเข้าถึงด้วยวิธีการอย่างไรเป็นต้น เราจึงไม่แสวงหา ไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นนี่มีความจำเป็นทีเดียว ความสุขที่แท้จริงนั้นจะต้องอาศัยสมาธิ เป็นจุดเชื่อมโยงใจของเรากับความสุขที่แท้จริง ถ้าขาดสมาธิซะแล้ว เราจะเข้าถึงความสุขที่แท้จริงไม่ได้  

        พระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านตรัสว่า "นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ" ความสุขที่แท้จริงหรือสุขอื่นนอกจากใจหยุดใจนิ่งนั้นเป็นไม่มี เพราะฉะนั้นก็สรุปง่าย ๆ ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นก็คือ ความสุขที่ทำใจให้หยุด ทำใจให้นิ่ง ทำใจให้สงบระงับ ทำใจให้ถึงสมาธินั่นเอง เป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นสุขที่ไม่มีขอบเขต เป็นสุขที่เป็นอิสระ เป็นสุขที่เยือกเย็น ละเอียดอ่อน นุ่มนวล เป็นสุขที่ไม่ซ้ำกับความสุขที่เคยเจอมาก่อน ความสุขชนิดนี้เข้าถึงได้ด้วยสมาธิ เมื่อใจหยุดใจนิ่ง แล้วความสุขชนิดนี้ก็ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่สุดเอื้อม เป็นสิ่งที่เราสามารถเข้าถึงได้และต้องเข้าถึงทุกคน เพราะว่าที่ตั้งแห่งความสุขนั้นเรามีอยู่ที่เดียวกัน เหมือนกันหมดทุกคน คือที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ในกลางตัวของเรา 



        สมมติเราขึงเส้นเชือกจากสะดือทะลุหลังเส้นหนึ่ง ขวาทะลุซ้าย ให้เส้นเชือกทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ นั่นเรียกว่า ฐานที่ ๗ เป็นที่ตั้งแห่งความสุขที่แท้จริง ฐานที่ ๗ นี้มีอยู่ในกายมนุษย์ทุก ๆ คน เมื่อเอาใจของเรามาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ จะถูกกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ใจที่แวบไปแวบมา นึกถึงเรื่องราวอะไรต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคย ถ้าเราประคองให้มาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จะถูกกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ถ้าถูกส่วนจะเห็นดวงธรรมนั้นน่ะ ใสบริสุทธิ์ เท่ากับฟองไข่แดงของไก่ อยู่ที่ตรงนี้แหละ เพราะฉะนั้นทุกคนมีศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ มีดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ คือปฐมกำเนิดของกายมนุษย์ ถ้าไม่มีดวงธรรมดวงนี้มนุษย์เกิดขึ้นไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ทรงรักษาไว้ซึ่งกายมนุษย์ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ทรงรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ มีอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละ  เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนตั้งใจจริง ทำตามวิธีที่จะแนะนำต่อไป เราจะต้องเข้าถึงความสุขที่แท้จริงจนได้  และก็ต้องได้ทุก ๆ คน  ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมีความเพียร และความอดทนแค่ไหน ถ้ามีความเพียรทำอย่างสม่ำเสมอ ทุกอิริยาบถไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน  เพียรทำเรื่อยไป ไม่ช้าเราก็จะต้องเข้าถึงกันทุก ๆ คน   ...พระเทพญาณมหามุนี นำนั่งสมาธิเรื่อง ความสุขจากสมาธิ

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อธัมมชโย ที่ฉันรู้จัก



หลวงพ่อธัมมชโย พระผู้อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา

ดุจแสงเทียน แสงธรรม นำชีวิต
พระอุทิศ กายใจ ทำไมหนอ
ลำพังตัว พระเอง ก็สุขพอ
ใยต้องรอ ผองเรา เข้าถึงธรรม




พ่อเป็นผู้นำทางสว่างไสว
เป็นผู้ให้แสงธรรมนำวิถี
เปรียบพ่อเป็นดวงตะวันนำความดี
ให้แสงที่สุขสงบพบกายธรรม

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อธัมมชโย ให้อะไรแก่ฉัน?


หลวงพ่อธัมมชโยรักการปฏิบัติธรรม และอยากให้ทุกคนรักการปฏิบัติธรรมเหมือนหลวงพ่อ

หลวงพ่อธัมมชโย ให้สิ่งดี ๆ แก่ฉันมากมาย

หลวงพ่อธัมมชโย สอนให้ฉันรู้เป้าหมายของการเกิดว่า


"เราเกิดมาทำไม?" Why were you born?

"เราเกิดมาเพื่ออะไร?" You  born for "What?"
"เราเกิดมาเพื่อใคร?" You  born for "Whom?"

เราเกิดมาเพื่อกอบกู้สังคมมนุษย์

เราเกิดมาเพื่อยั้งหยุดความโฉดเขลา
เราเกิดมาเพื่อขจัดความมัวเมา
เราเกิดมาเพื่อไต่เต้า...ทางนิพพาน

หลวงพ่อธัมมชโย  สอนให้ฉันเข้าใจคำว่าเกิดมาสร้างบารมี
หลวงพ่อสอนว่า
"บารมี" หมายถึงความดี  มนุษย์นั้นเกิดมาสร้างบารมี มีเป้าหมายคือ พระนิพพาน 
แม้ว่าหนทางนั้นจะยากแสนยาก ไกลแสนไกล และเต็มไปด้วยขวากหนามของชีวิตในแต่ละภพแต่ละชาติ แต่เราก็ยังมิย่อท้อไม่สิ้นหวังที่จะก้าวเดินต่อไป ด้วยความอดทนและเข้มแข็ง

หลวงพ่อธัมมชโย ให้หลักการดำเนินชีวิตที่ดีแก่ฉัน
หลวงพ่อสอนว่า
"จงอดทน และอุตส่าห์สร้างสมความดี รักษาศีล เจริญภาวนา และหมั่นประกอบกุศลทานอยู่เป็นนิตย์ ทำจิตใจให้ผ่องแผ้วและเปี่ยมไปด้วยเมตตา  เพื่อชีวิตในกาลปัจจุบันจะได้อยู่ในบุญล้วน ๆ จะนึกคิดอะไรจะได้ไม่ข้องขัด"

หลวงพ่อธัมมชโย สอนให้ฉันอย่าละความเพียรในการฝึกฝนอบรมตน
หลวงพ่อสอนว่า
"วันวานเป็นอดีตของวันนี้ และวันนี้ก็เป็นอดีตของวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้ก็เป็นอดีตของวันต่อ ๆ ไป 
เราทำวันนี้กันให้ดีให้สมบูรณ์พร้อมและทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่านี้ จงอย่าละความเพียรในการฝึกฝนอบรมตน"

หลวงพ่อธัมมชโย สอนให้ฉันรู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต
หลวงพ่อสอนว่า
"ธรรมกาย"  เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงแท้แน่นอนในตน  ทำตนของเราให้สมบูรณ์พร้อมในธรรมสักวันก็จะเข้าถึงธรรม  รู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต  เพื่อจะได้ก้าวเดินต่อไปในเส้นทางธรรมอย่างมั่นคง เพื่อช่วยกันผดุงรักษาพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสถาพรสืบไป

ฯลฯ

ทำให้ฉันเคารพรักและศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโย 

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

สิ่งดี ๆ ที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน

สิ่งดี ๆ ที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน คือ

การทำให้ฉันได้รู้ว่า...

“คนเราเกิดมาทำไม  อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต” 

เราเกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบามี
ธรรมกาย เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติ 
เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ที่เรียกว่าเป็นสรณะ 

ไม่ใช่ต้นไม้ ภูเขาเลากา ไม่ใช่จอมปลวก เจ้าทรงผีสิงอะไรต่าง ๆ 
เหล่านี้ล้วนไม่ใช่สรณะ ไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกอันแท้จริง 

ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงนั้นอยู่ภายในตัวของเรานี่เอง 
ธรรมกายหรือพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ  
สามอย่างนี้เท่านั้นที่เป็นสรณะอันประเสริฐ 
ควรที่เราจะระลึกนึกถึงอยู่ตลอดเวลา

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

ท่านมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกได้อย่างไร?

"มาวัดวันอาทิตย์ สร้างชีวิตให้มีคุณค่า" 


        ปี 2528 ขณะเรียนอยู่ชั้น ปวช. ที่วิทยาเขตพณิชยการพระนคร มีโอกาสมาวัดพระธรรมกายครั้งแรก เพราะมีเพื่อนร่วมชั้นชวน มาครั้งแรกก็ประทับใจในความสะอาด ร่มรื่น สบายใจ มาครั้งนั้นแล้วก็ไม่ได้มาวัดอีก เนื่องจากไม่มีเพื่อน  

        ปี 2530 ได้รุ่นพี่คณะ ชวนมาเข้าเป็นกรรมการช่วยงานชมรมพุทธฯ มีโอกาสได้สวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ได้นั่งสมาธิเป็นครั้งแรก สวดนาน นั่งนาน รู้สึกเบาสบาย ชุ่มชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก ปล่อยวาง เหมือนถือของมาหนัก ๆ แล้วได้วางลงทั้งมือซ้าย มือขวา ไหล่ซ้าย ไหล่ขวา ที่ทูลไว้บนศีรษะก็วางลง ได้ช่วยงานกิจกรรมตักบาตรทุกวันเสาร์ ได้ใช้ความสามารถที่ถนัด เขียนโปสเตอร์ธรรมะ จัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาประจำปี ชื่องาน "ทางแห่งความสำเร็จ" ได้ช่วยจัดงานบวชหมู่ธรรมทายาทภาคฤดูร้อนที่วัดเบญจมบพิตร ร่วมกับพี่น้องชมรมพุทธฯ หลาย ๆ สถาบัน  รู้สึกตัวมีคุณค่า ได้ทำสิ่งดี ๆ มีประโยชน์ ได้ฝึกสมาธิ ทำให้ผลการเรียนดีขึ้น มีอยู่เทอมหนึ่งได้ A ทุกวิชา เกรดเฉลี่ยสะสม 3.8  

         มาวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง ชอบปณิธานในการสร้างวัดของวัดพระธรรมกายที่ว่า "สร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี"  ปิดเทอมฤดูร้อน ปี 2533 ก็ได้อบรมธรรมทายาทอุปสมบทหมู่ รุ่นที่ 18 ได้ละชั่ว ทำดี ฝึกสมาธิทำใจให้ใส  ฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้  ช่วงท้ายของการอบรมได้เดินธุดงค์จากเขาใหญ่กับมาที่วัดพระธรรมกาย แต่ละวันผ่านไปอย่างมีสุข เหมือนถูกล้างสิ่งไม่ดีออกจากสมอง เติมธรรมะและสิ่งดี ๆ  แทน รู้ถูกผิด ดีชั่ว บุญบาป รู้อะไรควรไม่ควร  อยากให้ชายไทยทุกคนได้มีโอกาสมาบวชบ้าง

        เรียนจบปริญญาตรี ทำงานอยู่ก็มีโอกาสลางานมาบวชอีกในรู่นบูชาธรรม 50 ปี พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประทับใจโอวาทของหลวงพ่อธัมมชโยที่ว่า "จงรักษาความตั้งใจที่ดีไว้ อย่าหวั่นไหว ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอันใด เพราะเราเกิดมาสร้างบารมี" 

        ถ้าไม่มีเพื่อนและรุ่นพี่ชวนมาวัดในวันนั้น ก็ไม่มีวันนี้ที่ได้มาวัดพระธรรมกายเป็นประจำ ได้นั่งสมาธิตามเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ได้ฟังธรรมะจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว จากพระอาจารย์  เข้าใจการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา  ได้ถือศีล 5 ศีล 8 ในวันพระและตลอดเข้าพรรษา ได้สั่งสมบุญ จากตักบาตรปีละ 3-4 ครั้ง เป็น ตักบาตรทุกสัปดาห์ ตักบาตรทุกวัน (หยอดกระปุก)  ได้สร้างความดี ทำบุญทุก ๆ บุญของวัดพระธรรมกาย ทำให้รักและศรัทธาในหลวงพ่อธัมมชโย ศรัทธาในวัดพระธรรมกาย ศรัทธาในพระพุทธศาสนา  "กัลยาณมิตร เป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์"

        ท่านใดยังไม่เคยมา ขอให้ได้มา ที่มาอยู่แล้วก็ขอให้เชิญชวนหมู่ญาติ ชวนเพื่อน ๆ มาอีก เพราะเราเกิดมาสร้างบารมี  มาสร้างความดีใส่ตัว สร้างบุญบารมีเป็นเสบียงติดตัวไป "เกิดทั้งทีเอาดีให้ได้ ตายทั้งทีฝากดีเอาไว้"

ปล. สมัยนั้นหากจะมาวัดด้วยตัวเองจากใจกลางกรุงเทพฯ  ต้องนั่งรถไปลงที่รังสิต ต่อรถเมล์สายหนองเสือมาลงปากทางบางขันธ์ แล้วต่อรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างถึงหน้าวัด ต้องใช้เวลาเกือบ ๆ จะ 3 ชั่วโมง